ซีรี่ย์ สนุกๆ ดูได้ทั้งวัน
ซีรี่ย์ สนุกๆ The Menu รายการอาหารสยดสยอง เรื่องราวของ มาร์โกต์ กับ ไทเลอร์ เป็นคนรักวัยรุ่นที่เลือกเดินทางไปยังเกาะส่วนตัว เพื่อไปร่วมรับประทานอาหารที่ร้านอาหารอันโด่งดัง ที่มีนามว่า ฮาวธอร์น ที่บริหารจัดแจงรวมทั้งดูแลโดยเชฟเซเลบริตี้คนมีชื่อเสียง เซฟสโลวิก คนที่สร้างสรรค์รวมทั้งเตรียมการเมนูอาหารอันหรูหราวิจิตรตระการตา ภายใต้แนวความคิดทางศิลป์บนจานของกินที่ทำให้ลูกค้าจำต้องติดอกติดใจ แม้กระนั้นแนวทางการเข้าครัวของเขานั้น แอบไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ตระเตรียมรองรับเอาไว้ให้กับลูกค้าวีวีไอพีแค่นั้น
นี่เป็นการกลับมาควบคุมหนังใหญ่อีกรอบของผู้กำกับที่เต็มไปด้วยลูกเล่นแล้วก็เชิงชั้น อย่าง “มาร์ค ไมลอด” ภายหลังที่เขาออกจะเจ็บร้ายแรงกับหนัง What’s Your Number? เมื่อทศวรรษก่อน ทำให้จำต้องไปเลียแผลใจและก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากแวดวงโทรทัศน์ซีรีส์อยู่เป็น 10 ปี แล้วก็ความสามารถของเขาก็คล่องแคล่วมากขึ้นเรื่อยๆๆรวมทั้งได้รับความเชื่อใจให้รับซีรีส์ใหญ่ๆทั้งหมด ตัวอย่างเช่น Succession หรือ Shameless และบางตอนของ Game of Thrones
ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าที่เป็นการหวนกลับบัลลังก์ในฐานะผู้กำกับหนังอีกรอบของ ซีรี่ย์ สนุกๆ มาร์ค ไมลอด ที่โคตรจะสมศักดิ์ศรี เขากลับมาด้วยความถนัดและก็ความสามารถที่คบเยี่ยมกว่าก่อนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลเม็ดเด็ดพรายสำหรับในการเสนอ รวมถึงลูกเล่นในจังหวะหนังและก็โทนของหนังที่ติดต่อสื่อสารออกมาได้อย่างแยบคาย ส่วนใดส่วนหนึ่งน่าจะจำต้องขอบคุณมากกลุ่มเขียนบท ที่จัดว่าได้มือดีจากแวดวงซีรีส์มาช่วยผนึกกำลังเช่นเดียวกัน อย่าง “เซ็ธ เรส” กับ “วิล เทรซีย์” ที่งานประพันธ์รวมทั้งการเล่าเรื่องของพวกเขาเต็มไปด้วยท่วงทีรวมทั้งการสอดเสียดประเภทที่ให้เบ้ปากตลกโปกฮาได้ตลอดทาง
หากว่า The Menu จะเป็นหนังที่มิได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับมองอะไรมากแค่ไหนนัก เนื่องจากว่าหนังแนวๆนี้ก็มีออกมาให้มองกันค่อนข้างจะเกลื่อนกลาดแล้วในยุคนี้ ชนิดจับคนมั่งคั่งมาลงโทษในแบบต่างๆอะไรทำนองนี้ แม้กระนั้นกับหนังหัวข้อนี้มีเชิงชั้นดีตรงที่นำเอาองค์ประกอบที่เคยชินมาเพิ่มเติมกับความขำขันร้ายระดับชนชั้นคนมั่งมีสำหรับเพื่อการเลือกทานหลักสูตรของกิน แล้วก็เมนูอาหารที่ผ่านวิธีการทางความนึกคิดอย่างมีระบบรวมทั้งเตรียมการเอาไว้แล้วแบบหนึ่ง สอง สาม
แล้วก็แน่ๆว่าหนังประเด็นนี้เป็นการสะท้อนถึงความเลื่อมล้ำทางสังคมอย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้บางทีอาจจะจำเจไปหน่อย แต่ว่าจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าการพรีเซนเทชั่นของ The Menu รายการอาหารสยดสยอง ได้สร้างความรื่นเริงใจรสเลิศให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม ถึงจะค่อนข้างจะลูบคลำทางและก็ทายใจแก่นของเรื่องเพียงพอจะออกได้อย่างไปล้ำลึกอะไรเท่าไรนัก แม้กระนั้นจะต้องยกนิ้วให้กับแนวความคิดผ่านแต่ละรายการอาหารจานของกินที่เสิร์ฟ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างถูกบรรจงทำขึ้นมาได้อย่างแสบสันต์ดี
ดาราหนังยั่วยวนใจให้หนังประเด็นนี้น่าดึงดูดพอควรเมื่อมาผสม ซีรี่ย์ สนุกๆ กับการแสดงของกลุ่มแคสติ้งในหนังหัวข้อนี้ ยิ่งพอกพูนในรูปของอรรถรสรวมทั้งอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม “เรล์ฟ ไฟนส์” เป็นมือโปรของแท้ ทั้งหมดทุกอย่างก้าวรวมทั้งทุกอารมณ์ที่เขาติดต่อผ่านออกมาในทุกๆท่าทางนั้น ล้วนแล้วแต่ทรงประสิทธิภาพจริงแท้แน่นอน เป็นการแสดงที่ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พลังอะไรมากมาย แต่ว่าเขาสามารถยึดจอและก็จับจิตใจผู้ชมได้อยู่หมด ผู้แสดงของเขาเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนแล้วก็มิติเชิงอารมณ์จำนวนมาก ตามประสาชายผู้พบพานอะไรหลายๆอย่างในชีวิตมามากมายโข
ตอนที่ “อันยา เทเลอร์-หน้าจอย” ก็เป็นอีกผู้ที่ดูแคลนมิได้ เพราะเหตุว่าคุณก็สามารถแงะเอาความถนัดการแสดงออกมาสู่ศิลปินรุ่นพีได้ด้วยเหมือนกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นอินเนอร์แล้วก็อิริยาบถต่างๆของเขาคุณทำออกมาได้ค่อนข้างจะดี เป็นอีกนักแสดงที่ภูมิหลังรวมทั้งมิติที่ค่อนข้างจะน่าค้นหาไม่น้อย ถึงจะเป็นค้างแรกเตอร์ที่ทายใจออกได้อย่างง่ายๆมากแค่ไหน แต่ว่าคุณก็มอบการแสดงที่ทำให้ผู้ชมจะต้องคลั่งไคล้และก็เอาใจช่วยคุณผู้นี้ได้ตลอดทั้งข้อเท็จจริงๆ
“นิโคลัส โฮลต์” ก็นับได้ว่าเป็นอีกผู้ที่มาพร้อมกับความท้าในลักษณะของเขาเหมือนกัน รวมทั้งนี่เป็นอีกทีที่เขาเลือกสวมบทที่เต็มไปด้วยปริศนาเชิงซ้อนแล้วก็ทำให้ผู้ชมกลับมาคิดว่าเพศชายคนนี้เป็นอะไรกันแน่? เพราะเหตุไรถึงมีแนวความคิดแบบนี้? แล้วก็ทำไมถึงคิดทำแบบนั้น? มีหลายๆปริศนาอยู่ในผู้แสดงนี้ไปหมด รวมทั้งเขาก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีกึ๋น ทั้งยังน่าสงสายแล้วก็น่าชังน้ำหน้ารำคาญดวงใจไปในึคราวเดียวกัน จนกระทั่งต้องการจะลุกขึ้นยืนไปตบหน้าสักฉาด
นอกเหนือจากนี้ ยังได้ดาราหนังสมทบคนอื่นที่มีช่วยเติมแต่งสีสันให้กับประเด็นนี้ได้แบบยกฐานะ ไม่ว่าจะเป็น “เจเน็จ แม็คเทียร์”, “ฮง เชา”, “จอห์น เลอกิซาโม” หรือ “จูดิธ ไลต์” บอกได้เลยว่าทุกๆนักแสดงต่างก็มีซีนของตนเองทั้งหมด เท่าที่เครื่องปรับอากาศไทม์ของพวกเขาจะอำนวยต่อในหนัง และอดไม่สามารถพูดได้เลยว่า หนังประเด็นนี้นั้นก้าวหน้าเนื่องจากกลุ่มดาราหนังเป็นหลักจริงๆเพราะว่านี่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่สร้างอรรถรสได้ยอดเยี่ยมจริง
หนังแนวเสียดสีที่คงจะรู้จักกันดีเอาว่าเป็นโดยภาพรวมแล้วนั้น ซีรี่ย์ สนุกๆ นับว่าเป็นแนวเสียดสีที่คงจะรู้จักกันดีและไม่ได้แปลกใหม่มากแค่ไหน แต่ว่ากับสร้างกิมไม่กด้วยลูกเล่นที่รื้นเริง ผ่านแวดวงของกินแล้วก็เรื่องข้อความสำคัญชนชั้นที่จิกกัดออกมาได้อย่างแสบสันต์เอาการ หนังบางครั้งอาจจะทายใจทางได้ไม่ยากเยอะแค่ไหน แต่ว่าก็ได้เสน่ห์ของกลุ่มดาราหนังทั้งยังหัวข้อนี้มาช่วยพยุงทั้งยังเรื่องเอาไว้เจริญ นี่ก็เลยแปลงเป็นภาพยนตร์ตลกร้ายที่บาดลึกแยบยลที่อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกจุกท้องตามไปได้ด้วยเมื่อมองจบ
Adam McKay ยอดเยี่ยมโปรดิวเซอร์ที่เคยได้ฝากผลงานเอาไว้ภายในภาพยนตร์เรื่อง Don’t Look Up (2021) ที่เคยได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสกาสร์ เมื่อปีที่ล่วงเลยไป เขาได้กลับมาอีกรอบในผลงานใหม่ปัจจุบันกับภาพยนตร์ดาร์กคอเมดี้เรื่อง The Menu ที่ว่าด้วยการเสียดสีแวดวงปรุงอาหารของเชฟชั้นสูง แสดงนำโดย Anya Taylor-Joy แล้วก็ Nicholas Hoult แฟนวัยรุ่นไฮโซที่ได้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงของกินอันสุดหรูของเชฟโด่งดังบนเกาะอันไกลห่างMark Mylod ผู้เคยได้ฝากความสามารถการดูแลเอาไว้ภายในภาพยนตร์เรื่อง Succession (2018)
จะมารับหน้าที่ควบคุมดูแลภาพยนตร์ประเด็นนี้ ซึ่ง The Menu มีระบุเข้าฉายที่โรงหนังในวันที่ 18 เดือนพฤศจิกายน ที่กำลังจะออกเดินทางมาถึงนี้ภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้โอกาสมเขียนบทประสิทธิภาพโดย Will Tracy คนเขียนจากซีรีส์โด่งดัง Succession (2018) และก็ Last Week Tonight with John Oliver (2014) และก็ได้ร่วมเขียนบทกับ Seth Reiss ผู้เคยส่งผลงานจาก Late Night With Seth Meyers (2014) ด้วยเหมือนกัน แล้วก็อำนวยการสร้างโดย Betsy Koch ยิ่งกว่านั้นยังมีนักแสดงอีกเยอะแยะไม่ว่าจะเป็น Hong Chau, Janet McTeer, Judith Light, Reed Birney, Paul Adelstein, Aimee Carrero, Arturo Castro, Mark St. Cyr, Rob Yang รวมทั้ง John Leguizamo
ส่วนดาราหนังสาวน้อยอย่าง Anya Taylor-Joy ก็จะส่งผลงานปัจจุบันที่จะให้ได้ดูกันเร็วๆนี้กับภาพยนตร์คอเมดี้แนวอาชญากรรมของ David O. Russell ในรูปภาพยนตร์เรื่อง Amsterdam (2022) ที่ว่าด้วยเรื่องราวในสมัย 1930 แล้วก็อีกหนึ่งผลงานเป็น Furiosa (2024) ภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปีต่อไปจากในแบบอย่างพวกเราจะได้มีความเห็นว่าเชฟ (รับบทบาทโดย Ralph Fiennes) กำลังชี้แจงรวมทั้งชี้แนะรายการอาหารให้เหล่าบรรดาแขกไฮโซผู้รวยว่าพวกเขาจะได้รับประทาน “ไขมัน เกลือ โปรตีน รวมทั้งรวมทั้งทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง”
ซึ่งคนร่ำรวยก็สามารถกินได้ทุกๆอย่างจริงๆนอกนั้นยังเปิดเผยให้มองเห็นถัดไปยังฉากที่ Tyler (สวมบทโดย Nicholas Hoult) กำลังร้องไห้ตื้นตันกับความงามของมื้อของกินสุดหรูนี้ แม้กระนั้นในเวลาเดียวกัน Margot (รับบทบาทโดย Anya Taylor-Joy) กลับสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของที่ที่นี้ แล้วก็ยิ่งระทึกขึ้นไปมากกว่าเดิมเมื่อเชฟเริ่มเฉือนเนื้อของแขกที่มาร่วมงานของเขาเอง
หนังอีกหัวข้อที่มีความเด่นไม่ด้อยกว่าคนไหนเกี่ยวกับส่วนประกอบของผู้แสดงนำฝ่ายที่จูงใจยิ่งใหญ่ เพราะเหตุว่าเพียงแค่เห็นทีแรกก็จำต้องร้องว้าวให้กับกลุ่มแคสติ้ง พร้อมทั้งกระตุ้นความน่าดูมากขึ้นเป็นทวีคณู แล้วยิ่งมาสัมผัสกับรายละเอียดรวมทั้งอรรถรสแต่ละจานของหนังหัวข้อนี้ บอกได้เลยว่า “The Menu “ เป็นหนังที่เสิร์ฟด้วยรสที่จัดจ้าสวิงไปๆมาๆได้อย่างเพลินตลอดหลักสูตรของกินในคราวนี้ ความตลกขบขันร้ายของประเด็นนี้จะต้องถูกยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งตัวท็อปของปีนี้
Remember แค้นเดือดคนดุ
พิลจู เป็นชายแก่วัย 80 ที่เคยประจันหน้ากับการสิ้นไปทุกๆสิ่งทุกๆอย่างอย่าง กับอดีตกาลของประวัติศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเคยยึดครองประเทศเกาหลีในตอนการสู้รบอดสู แล้วก็โน่นเป็นชนวนเหตุที่เขาคิดจะล้างแค้นบุคคลที่เคยทำให้เขาจะต้องเจ็บรวมทั้งทนทุกข์ทรมานมาตลอดยาวนานหลายปี โดยที่ อินกยู ชายหนุ่มรุ่นราวคราวหลานของเขา ได้เข้ามาช่วยเหลือทำให้กลยุทธ์คราวนี้ของเขาได้ลุลวงหนังหัวข้อนี้ได้ผลงานดูแลแล้วก็เขียนบทโดย “อีอิลฮยอง” นักสร้างภาพยนตร์ชายหนุ่มที่พึ่งก้าวแล้วก็มีประสบการณ์ด้านงานสายนี้ไม่ค่อยเยอะแค่ไหน แต่ว่าก็ได้ทีเด็ดตรงที่ 2 ดารานำของประเด็นนี้ คว้าเอาตัวท็อป 2 รุ่น อย่าง “อีซองไม่น” มาเกาะติดคู่กับ “นัมจูฮยอก”
ในหนังที่เต็มไปด้วยพล็อตดราม่าอึดอัดใจแบบเต็มที่ที่ออกจะเพิ่มน้ำหนักใส่ผู้ชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเรื่อยแปลงเป็นหนังที่ดาราหนังจำเป็นต้องช่วยเหลือกันแบกรับหนังเอาไว้อีกทั้งเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมเด่นชายเฒ่าผู้เก็บความโกรธแค้นมานานกว่า 60 ปี จากการสูญเสียครอบครัวในสมัยประเทศญี่ปุ่นล่าอาณานิคม เขาคิดแผนเอาคืนรวมทั้งขอให้เพื่อนผู้ร่วมการทำงานรุ่นหลานทำงานขับรถให้ 1 อาทิตย์ โดยที่ชายหนุ่มคนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้าไปเกี่ยวพันเหตุการฆ่าภายหลังทรมาทรกรรมกับโรคร้ายมานาน… พิลจู (อีซองไม่น) กำลังจะเปลี่ยนเป็นคนไข้โรคอัลไซเมอร์ เขาก็เลยขอทุ่มชีวิตที่เหลือออกตามล่าศัตรูก่อนที่จะเขาจะลืมความแค้น
ซึ่งแผนนี้เขาได้รับการช่วยเหลือจาก อิน กยู (นัมจูฮยอก) ซีรี่ย์ สนุกๆ เด็กวัยรุ่นสหายร่วมงานที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เขายังแปลงเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในคดีการฆ่าที่เกิดขึ้นอีกด้วย แนวทางชำระแค้นคราวนี้จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดตอนจบเช่นไร เมื่อข้อบังคับกำลังไล่ล่าเขาแบบหายใจรดก้านคอ รวมทั้งพิลจูจำต้องแลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขาชำระแค้นเสร็จก่อนความจำของเขาจะสลายไปชั่วกับชั่วกัลป์ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า Remember ไม่ค่อยจะมีพล็อตรวมทั้งพล็อตเรื่องที่สร้างความแปลกใหม่สักเท่าไหร่นัก หนังก็ราวกับจับเอาหนังประเทศเกาหลีรวมทั้งหนังฮอลลิวูดเรื่องโน่นนี้มาเรียงร้อยต่อประกอบรวมร่างขึ้นมาใหม่
ออกมาในอรรถรสที่ยังพอเพียงถูๆไถๆมองได้สนุกสนานไปตลอดทั้งเรื่อง โดยที่ผู้ชมไม่น่าจะคาดคะเนแนวทางของหนังได้ยากอะไร รวมทั้งจังหวะต่างๆของหนังช่างใส่มาลงล็อกแบบเป๊ะๆราวกับโดนจับวางเป็นของสำเร็จรูปอะไรทำนองนั้นเลยเพราะพล็อตที่มิได้มีกลเม็ดเด็ดพรายรวมทั้งกึ๋นอะไรเยอะแค่ไหน แม้กระนั้นตัวหนังกลับได้พลังทางการแสดงของดารามาช่วยเป็นนายหามเอาไว้ก้าวหน้าแท้ อีซองไม่น กับ นัมจูฮยอก เป็นส่วนประกอบที่ยอดเยี่ยมของหนังประเด็นนี้ และก็สามารถเชื่อใจหัวข้อการพลั่งพรูอารมณ์ทางการแสดงออกมาจากพวกเขาได้อย่างสบายๆแล้วก็พวกเขาก็สามารถทำออกมาได้แทบจะเยี่ยมที่สุด ถึงแม้ว่าจะถูกรายล้อมไปด้วยส่วนประกอบที่แล้งจากความเป็นสูตรสำเร็จทั้งหมดทั้งปวงก็ตาม
อีซองไม่น ที่จำเป็นต้องยกนิ้วให้กับอินเนอร์ทางการแสดงของเขา หัวข้อนี้บางทีอาจจะจะต้องมารับบทชายเฒ่าที่เกินวัยเขาไปราวๆหนึ่งสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นเขาก็ทำออกมาได้ใช้ได้ แม้กระนั้นแอบจำเป็นต้องตัดแต้มนิดเดียว ตรงที่หน้าที่ในรูปแบบนี้เขาเองก็เคยเล่นมาบ้าง และก็มีบางเรื่องที่เล่นได้ดีมากยิ่งกว่านี้ ระหว่างที่การวางแบบการออกอิริยาบถในแบบอย่างชายแก่ในประเด็นนี้ของเขานั้น ยังไม่ค่อยสมูทกลมกลืนได้ถึงที่สุด บางจุดบางช่วงยังแอบติดลีลาความเป็นชายหนุ่มกว่าปู่ไปนิดหน่อย
ก็ตาม ช่างเป็นบทที่ออกจะแบนราบ แม้กระนั้นเขาก็ใช้ความชำนาญของการเป็นดาราหนังมือโปรถ่ายทอดบทนี้ออกมาให้มองมีอะไรมากขึ้นได้อย่างน่าประทับใจ หากว่าบทหนังจะใส่บทของเขาเสมือนเป็นเพียงแค่ตัวเสริมเข้าไปคราวหน้า แต่ว่าเขาก็ยังขุดความเด่นออกมาให้แผ่รัศมีในหนังประเด็นนี้ได้ออกจะน่าพึงพอใจทีเดียวRemember บางทีอาจจะเต็มไปด้วยความจำเจ แต่ว่าอย่างต่ำๆแกนหลักรวมทั้งใจความสำคัญของหนังก็ออกจะพรีเซนเทชั่นได้อย่างแจ่มแจ้ง ด้วยการจับเอาเสนอเกี่ยวกับผลพวงแล้วก็ผลพ่วงเกี่ยวกับรอยแผลในตอนการศึกมาขยี้ในปัจจุบัน สะท้อนให้มองเห็นชีวิตของคนรุ่นหนึ่งที่ยังจำต้องหามความทุกข์ทรมานจากผลที่ความผิดใจกันในแผ่นดิน
การคุกคามรวมทั้งการเลือกข้างที่ทำให้แนวทางชีวิตของพวกเขาจำเป็นต้องแปรไปชั่วกัลปวสาน แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นการปิดบังความแค้นเอาไว้อยู่ภายในใจมาตลอดนับเป็นเวลาหลายปีบางทีอาจจะยังไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟ็คอะไร ส่วนประกอบและก็พล็อตของหนังยังเต็มไปด้วยช่องโหว่และก็รอยรั่วอยู่บ้าง พล็อตใส่สูตรสำเร็จเข้าไปเกือบสำเร็จรูปไปแล้ว แม้กระนั้นส่วนประกอบที่ยอดเยี่ยมก็คือกลุ่มผู้แสดง ไม่ว่าจะเป็นทั้งยัง 2 ผู้แสดง หรือผู้แสดงสมทบผู้อื่นที่นับว่าพวกเขามาช่วยเหลือกันประคองให้หนังหัวข้อนี้ไปได้ถึงฝั่ง
ถึงในตอนท้ายแล้วนั้น หนังก็ปฏิบัติหน้าที่ให้ความบันเทิงในชั่วครู่ก้าวหน้า ซีรี่ย์ สนุกๆ แต่ว่าโชคร้ายที่ยังไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจำในหนังหัวข้อนี้สักเท่าไหร่นักซึ่งในรูปภาพยนตร์ นอกเหนือจากที่จะเข้มข้น และก็ความน่าติดตามของเรื่องราวแล้ว ยังถือว่าเป็นการเจอกันของสองดารามากมายความสามารถที่ไม่เหมือนกันสุดขีด นำกลุ่มเดือดโดย ‘นัมจูฮยอก’ ดาราหนังวัยรุ่นมาแรง และก็เนื้อหอมที่มีชื่อเสียงจากซีรีส์สุดได้รับความนิยมอย่างTwenty-Five, Twenty-One และก็ Start-Up มารับบทเป็น ‘อินกยู’ ชายหนุ่มวัย 20 ปี ที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับการชำระแค้นคราวนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
แม้กระนั้นกลยุทธ์กลับบกพร่องเมื่อภาพของเขาถูกบันทึกได้ในกล้องวงจรปิดรวมทั้งกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการฆ่า เขาไม่มีตัวเลือกอื่นเว้นเสียแต่ช่วยทำให้การแก้เผ็ดคราวนี้เสร็จรวมทั้ง ‘อีซองไม่น’ ดาราหนังรุ่นเก๋าที่ส่งผลงานประสิทธิภาพอย่าง Hunt, Juvenile Justice แล้วก็อีกเยอะแยะ มารับบทเป็น ‘พิลจู’ คนเจ็บอัลไซเมอร์ รวมทั้งเนื้องอกในสมองระยะท้ายที่สุดที่ขอทุ่มชีวิตที่เหลืออยู่ออกตามล่าศัตรูที่ทำลายครอบครัวของเขาในสมัยก่อน ความ โกรธแค้นที่สะสมมานานกว่า 60 ปี ถึงเวลาจำเป็นต้องคิดบัญชีคนไม่ดีให้สม
การโคจรมาเจอกันของสองดาราหนังในคราวนี้ทำให้ ‘อีอิลฮยอง’ ผู้กำกับ ได้ชื่นชอบการแสดงของทั้งยัง 2 คนไว้ว่า “อีกทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนซี้ที่แสดงเป็นธรรมชาติมากมาย ความ สามารถด้านการแสดง เป็นส่วนสำคัญของ บท พิลจู เพราะเหตุว่าเขาควรมี ความอบอุ่น แบบปู่ แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันเขา พร้อมที่จะ ลงมือ ฆ่า อย่างใจร้าย ส่วนอินกยู เขาเป็น วัยรุ่น แจ่มใส มองโลกในแง่ดี ที่ทุ่มเทให้กับ งาน พาร์ตไทม์เต็มที่ ซึ่งนัมจูฮยอกแสดงออกมาเป็นธรรมชาติมากมาย”
Decision to Leave ฆาตกรรมรัก หลังเขา
ฮจุน เป็นตำรวจสายลับที่อ่อนโยนต่อผู้อื่นรอบกาย กลับเสมือนเป็นอีกคนเมื่อเขาดำตรงไปสู่การพิสูจน์คดีแต่ละคดี และก็เขาก็ได้รับมอบหมายให้แสวงหาเค้าเงื่อนเกี่ยวกับคดีการตายแบบไม่ถูกวิถีธรรมชาติที่เกิดขึ้นในบริเวณช่องเขาแห่งหนึ่ง ตรงนั้นทำให้เขาได้เจอกับ ซอแร อดีตกาลเมียของคนตายในคดีนี้ แน่ๆว่าเขาสงสัยคุณเป็นลำดับต้นๆในดคีนี้ แต่เปลี่ยนเป็นว่ายิ่งสงสัย เขากลับยิ่งเผลอไผลในคุณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อศพปัญหา หลุดล่วงลงมาจากยอดดอย เอามาสู่ความเกี่ยวพันต้องห้าม ที่ไม่บางทีอาจหลีกเลี่ยง “ยิ่งหลงรัก ยิ่งติดกับ” การตัดสินใจคราวนี้ กำลังจะแปลงคุณรวมทั้งเขาไปตลอดไป
หนังในชื่อ พัคชานอุค ย่อมไม่ใช่ปกติสามัญแน่ๆ หากเข้าถึงสิ่งจูงใจรวมทั้งความยูนีคของเขาได้ ซีรี่ย์ สนุกๆ ก็จะบันเทิงใจตามไปกับมิติรายละเอียดที่ทั้งยังแน่นทั้งยังแรง รวมทั้งได้เสพย์งานอาร์ตระดับประสิทธิภาพ ซึ่งดูเหมือนจะทั้งหมดก็จะเป็น Genre แนวหนักชั่วร้าย เศร้าใจระทึก เครียดๆโกรธแค้นๆหรือทิ้งอะไรให้วนเวียนในสมองพวกเราต่อได้อีกหลายๆวันเลย จนถึงตัวเขาเองเคยกลับมู้ด ทำรอมคอมไว้เรื่องหนึ่งเป็น I’m a Cyborg, But That’s OK เพื่อบุตรสาวได้ได้โอกาสเข้าถึงงานของเขาบ้าง เพราะว่าเขาเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก แต่ว่าเอาจริงเอาจังก็มิได้เป็นรอมคอมแบบเบาสมองเลยจ๊ะ
โรมานซ์สไตล์นีโอนัวร์ Decision to Leave นี้ก็เป็นงานโรมานซ์ที่ก้าวผ่านความธรรมดาไปเป็น โรมานซ์สไตล์นีโอนัวร์ เขาบอกไว้ว่าตั้งมั่นที่จะทำหนังในโทนที่ไม่เปิดเผย แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะให้นิ่งเงียบจากการจำกัดบทสนทนา เอาจริงเอาจัง บทสำหรับพูดประเด็นนี้กลัยมากกว่าเสียอีก เพราะเหตุว่าเขาต้องการจะแทนคำว่า ‘ฉันรักคุณ’ ด้วยการบรรจงถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนั้นออกมามากยิ่งกว่า การดำเนินเรื่องก็เลยค่อนไปทาง Slow-burn เบาๆเพาะบ่มอารมณ์ควบไปกับเนื้อเรื่องของการไขปัญหาคดีสืบสาวตื่นเต้นเบาๆเคล้าดราม่า เป็นที่น่าทึ่งว่าเนื้อหาของบทสำหรับพูด ภาพ เสียง ล้วนมีอะไรๆให้เก็บให้อินกันทุกเม็ดจริงๆจนถึงการดูรอบเดียวคงจะเก็บได้ไม่หมดแน่นอน
แฮจุน (สวมบทบาทโดย พัคแฮอิล) ตำรวจสายผู้หมกมุ่นขมักเขม้นกับงาน กระทั่งเชิญชวนสงสัยได้ว่า เพราะเหตุว่างานทำให้เขาเป็นโรคเครียดนอนไม่หลับอย่างหนัก หรือเพราะว่าการนอนไม่หลับเลยทำให้เขาบ้างาน (ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่าอย่างข้างหลัง) เขามีลักษณะของ OCD อ่อนๆที่หมกมุ่น เก็บเนื้อหาทุกเม็ด จำเป็นต้องเพอร์เฟ็ค เป็นระเบียบ เอาใจใส่จำแม้กระทั้งกับจำนวน เขาปฏิบัติงานอยู่ในปูซาน สุดสัปดาห์แล้วก็ค่อยกลับไปอยู่บ้านหนได้พบเมีย จองอัน (สวมบทโดย อีจองฮยอน) ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆริมตลิ่งซึ่งมีก็แต่หมอกปกคลุม ส่วนลูกชายก็พักอยู่หอพักหมกมุ่นกับการศึกษา (ราวกับบิดาไม๊หละ!)
แฮจุนแล้วก็รุ่นน้องผู้ช่วย ซูวอน (เล่นบทโดย โกคยองพโย) ซีรี่ย์ สนุกๆ เข้าไปทำคดีตายปัญหาของ กีโดซู (สวมบทโดย ยูซึงมก) นักกีฬาปีนเขาสมัครเล่นที่ตกจากยอดดอยชัน ซึ่งบางทีอาจเป็นการการสังหารก็ได้ แฮจุนได้เจอกับเมียคนตาย ซอแร (เล่นบทโดย ถังเหว่ย) ที่อายุคราวลูก เป็นคนจีนหลบเข้าประเทศเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแม้กระนั้นผิดส่งตัวกลับ เนื่องจากว่ากีโดซูที่เป็นข้าราชการกองตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งอีกเหตุผลเป็นการศึกษาและทำการค้นพบเกียรติของต้นตระกูลคุณที่เป็นนักสู้เลือดรักชาติประเทศเกาหลี
ในทางวิชาชีพแล้วก็หน้าที่การงาน idpokerlink แฮจุนย่อมถูกสงสัยในตัวซอแรเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าคุณออกอาการพิรุธในระหว่างการสอบสวน รวมทั้งยังมีหลักฐานอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณกลายเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย แม้กระนั้นในทางจิตใจ ดูท่าความหมกมุ่นของเขาจะควบก้ำกึ่งทั้งยังในมุมของงานรวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวบางสิ่ง การตามสืบสอดส่อง เฝ้าเช้าตรู่เฝ้าเย็นรวมทั้งการกระทำต่อคุณก็เลยมองผิดตาพิเศษเกินเลย จนถึงลูกน้องยังเชิญชวนสงสัย โน่นเป็นปริศนาที่เพาะเอาไว้ในดวงใจผู้ชมให้คิดและก็ติดตาม อยากรู้ว่าผลของการสืบคดีจะเป็นเยี่ยงไร ซอแรจะมีความผิดไหม รวมทั้งแฮจุนมีใจให้ซอแรใช่หรือเปล่า
แม้ว่าจะได้คำตอบในใจพักไว้แล้ว แต่ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกค่อนเรื่องที่เหลือก็ยังพาให้พวกเราแกว่งไกว ย้อนกลับมาคิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างใหม่อีกในอารมณ์ที่ว่า อะไรๆก็มองอึมครึมไม่ชัดเจนไปหมดบทที่ดูโดยผิวเผินบางทีอาจมองเรียบง่ายแต่ว่ามีความแยบคายประณีตบรรจงและละเอียดลออลึกซึ้ง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ละภรรยาดละไม ชักชวนตกความฝันเผลอไผลตาม ดูเหมือนจะเนิบๆแม้กระนั้นมวลอารมณ์มากมาย รวมกับพลังของดาราที่รับส่งให้กันอย่างยอดเยี่ยม ส่งให้เปลี่ยนเป็นหนังรักในอีกแบบที่ฟินระทึก อบอุ่นเหงาหงอย สุขเศร้าใจ
ช่างเป็นคุณศัพท์ที่ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้เลยเนอะ มันก็เลยให้ความรู้ความเข้าใจสึกสดใหม่มากอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ข้อแนะนำสำหรับในการมองประเด็นนี้ก็คือ จะเสพความงามที่มิได้มาพร้อมกับความหวานชื่นนี้ได้จะต้องใช้จิตใจเบาๆมองไปอย่างเรื่อยๆ รวมทั้งจำต้องถอดกรอบแบบเดิมๆของความนึกคิดแนว ‘แมส’ พักวางไว้ก่อน ทุกบทสนทนา ทุกพฤติกรรมสื่อนัยความหมาย และก็ส่งต่อความเกี่ยวข้องกันหมดทั้งยังเรื่อง ความง่ายๆที่มีเรื่องมีราวราวสวยสดงดงามทรงประสิทธิภาพ สะท้อนชัดจากโปสเตอร์ ยิ่งหากมองจบแล้วกลับมามองโปสเตอร์อีกที จะยิ่งรู้สึกได้ว่าคุมโทนคุมคอนเซ็ปต์อยู่จริงๆเลย
พัคแฮอิล เป็นแคสต์ที่พอดีจริงๆเนื่องจากว่าสีหน้าท่าทางแววตาอารมณ์อย่างนี้ ซีรี่ย์ สนุกๆ อาจพอเพียงเคยได้เห็นบ้างจากผลงานที่เคยผ่านมา เขาถ่ายทอดความหลงใหลจากข้างในออกมาทางแววตารวมทั้งท่ามกลางทีท่าและก็คำบอกเล่าแสนปกติ จะเรียกว่าเป็นอีกลักษณะของความซึนเดเระก็เพียงพอไหวนะ แบบพอดิบพอดีพองามเป็นธรรมชาติ แอบแฝงเก้อเขินได้น่ารัก ในหลายๆฉากเขาทำให้พวกเรายิ้มขำๆได้เลยจ้า พัคแฮอิลเป็นอีกหนึ่งผู้แสดงที่ใช้สายตาได้ลึกซึ้งสะเทือนอารมณ์ดีเลิศจริงๆ นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีนักแสดงร่วมสมทบอีกหลายต่อหลายๆคน บทคนละเล็กละน้อย เป็นต้นว่า พัคยงอู ดื้อรั้นฮยอนอู พัคจองไม่น อีฮักจู ยูแทโอ ชเวแทฮุน คิมเคยชินยอง โกไม่นซี ฯลฯ รวมทั้งต้องการขอชูให้ Smart watch เป็นอีกหนึ่งผู้แสดงนำและก็มีหน้าที่สำคัญในเรื่องด้วย